วันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2552

สองไปหาหมอ














สองมีเหตุให้ต้องไปหาหมอบ่อยตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่ฉีดวัคซีนตามระยะ ก็มีครั้งที่เข้าบ้านใหม่ๆแล้วท้องเสีย แล้วก็มาตอนที่มีเรื่องกับมอมจนโดนกัดหน้าทะลุเป็นรูต้องให้หมอล้างแผลทุกวันอยู่ช่วงหนึ่ง


สองมีเหตุให้ไปหาหมออีกเพราะขนร่วงเมื่ออายุขวบกว่าๆ พวกเราผลัดกันพาสองไปหาหมอที่โรงพยาบาสลสัตว์เล็กจุฬาฯ ตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2551 เดือนละครั้ง โดยมีคุณหมอมีนาเป็นผู้ดูแล

ว่าแล้วต้องเล่าเรื่องโรงพยาบาลสัตว์เล็กจุฬาเสียหน่อย คลินิคผิวหนังเปิดเฉพาะบางวันจำนวนผู้ป่วยในวันสุดสัปดาห์จึงมโหฬารมาก ครั้งแรกๆพี่นั่มกับหนึมไปถึงโรงพยาบาลใกล้เวลาคลินิคเปิด หยิบบัตรคิว แล้วลงเอยนั่งรอตั้งแต่ 8โมงเช้าเข้าตรวจตอนเกือบๆบ่าย 4 โมงเย็น เซ็งเป็ดกันทั้งคนทั้งหมา

โรคภูมิแพ้ของสองใช้เวลารักษาต่อเนื่องกว่าจะเห็นผล น้องหมาป่วยตัวอื่นๆก็ไปกันเป็นปีๆทั้งนั้นเลย หนึมเลยค่อยๆขยับเวลาในการออกจากบ้านไปหยิบบัตรคิว มีแม่บ้าง พี่นั่มบ้างตื่นไปเป็นเพื่อน เพราะต้องตื่นไปหยิบบัตรคิวกันตั้งแต่เที่ยงคืน!!! และไปมาเกือบปีเคยได้เบอร์ 1 แค่หนเดียว!!!

บัตรคิวนี้เป็นบัตรกระดาษเขียนเบอร์ธรรมดา มีรูเจาะเสียบไว้กับแท่นเหล็ก ใครไปหยิบบัตรคิวก็เอาใบนัดที่เราได้มาจากโรงพยาบาลล่วงหน้าแล้วไปหนีบเข้ากับบัตร แล้วเอาเอกสารและบัตรคิวใส่เรียงในตะกร้าไว้ ตัวหนีบนี้บางทีไปถึงก็หมด (ขนาดไปก่อนไก่โห่นะเนี่ย) ก็ต้องติดไปเองบ้าง เอาไปให้คนอื่นเลยหลายๆตัวบ้าง

และหลายครั้งที่เบอร์คิวหายไปจากแท่น และไม่มีเอกสารใดๆอยู่ในตะกร้าคิวเลย แปลว่าอะไร แปลว่าคนที่หยิบบัตรคิว หยิบไปให้คนอื่น หยิบไปให้เจ้าของสุนัขที่จะเอาใบนัดมาเสียบทีหลังและได้คิวต้นๆ ไม่ต้องถ่างตาตื่นมาแต่เช้าแต่อย่างใด เอ๊ะ ใครเป็นผู้โชคดีเหล่านี้นะ เจ้าของหมาคนหนึ่งที่เคยพูดคุยเป็นมิตรกันและแกเอาบัตรคิวมาแจกให้เราครั้งหนึ่งบอกว่า แกจ่ายเงินให้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลให้หยิบบัตรคิวไว้ให้ หลายๆใบ แล้วแกก็มาก่อนคลีนิคเปิดเล็กน้อยได้คิวต้นๆไป หยิบมาเผื่อคนอื่นๆด้วยนะ จะบอกให้









ด้วยความที่หนึมมักเป็นคนไปเอาบัตรคิวแต่เช้าตรู่ พี่นุ่มมักจะอาสาไปเป็นเพื่อนพี่นั่มช่วงที่เอาสองออกไปหาหมอ บางทีสองก็ติดรถหนึมไปด้วยตอนไปเอาบัตรคิว วันที่ได้ออกไปหาหมอสองจะชอบมาก ได้นั่งรถออกไปชมเมือง ได้ไปเจอเพื่อนๆกลิ่นแปลกๆที่โรงพยาบาล ป้านุ่มของสองใจดีให้สองไปหาหมอในรถของป้านุ่มทุกครั้ง เพราะคันใหญ่หน่อย มีพื้นที่ให้สองปีนเล่นไปมาไม่เบื่อเวลารถติด

ป้านุ่มของสองก็ได้ไปฝึกขันติบ่อยๆ เพราะป้าต้องรอจ่ายเงินค่ารักษาและค่ายาครึ่งค่อนชั่วโมงเป็นประจำ ขณะที่สองไปเดินผ่อนคลายหลังพบหมอที่สวนด้านหลังโรงพยาบาลกับพ่อนั่ม




ผ่านมาเกือบปีคุณหมอมีนา ที่เป็นเหมือนเทพธิดา ทำให้สองกลับมาขนฟูได้ดังเดิม หมอมีนาทำงานไม่รู้จักคำว่าเหนื่อย พักเที่ยงคือการนั่งตักข้าวทานหลังห้องตรวจ ไม่เคยหยุดพักจนกว่าจะตรวจน้องหมาตัวสุดท้ายในคิว หมอต้องคอยสอนนักศึกษาที่ผลัดกันมาฝึกปฏิบัติที่นี่อีกด้วย

หมอมีนาตรวจละเอียดมาก ดูผิวหนังก็ดูจริงๆ แตะดู (ต้องมัดปากสองก่อนนะคะ) ให้สองหงายท้องให้ดู จนหมอพบว่าสองมีอัณฑะข้างเดียว อีกข้างอยู่ในช่องท้องและต้องผ่าตัดเอาออก เพราะอาจเป็นอันตรายทีหลังได้ หมอมีนาเชิญหมอผ่าตัดมาดูและนัดผ่าให้สองได้อย่างรวดเร็ว

สองจึงต้องไปกินยานอนหลับ แล้วก็สลบไปก่อนเข้าห้องผ่าตัด พวกเราไปรอสองตลอดการผ่าตัด และเมื่อสองฟื้นขึ้นมาก็ตัวสั่นมาก เราต้องรีบเอาผ้าไปห่ม หมอบอกว่าอุณภูมิร่างกายของสองตกลงระหว่างผ่าตัดเป็นเรื่องปกติ แป๊บเดียวสองก็ลุกขึ้นเดินได้สบายๆในคอลล่า เพราะเคยใส่มาตั้งแต่เด็ก และกลับบ้านพร้อมกลับการปิดฉากโอกาสจะเป็นพ่อหมาไปโดยปริยาย พ่อ ป้า และ อาเลือกจะเป็นโสดสองก็เลยลงเอยแบบเดียวกัน



ตอนนี้สองเป็นหมาฟู ร่าเริง อยู่ในสวนป่า อ้วนขึ้นเล็กน้อย มีคุณย่าคอยให้ยา ทุก 2 วันเว้น 1 วัน และให้อาหารตรงเวลาเป๊ะทุกวัน และหวังว่าจะหายจากโรคภูมิแพ้ในที่สุด

2 ภาพสุดท้ายนี้ให้เห็นตอนสองขนร่วง จนเห็นเนื้อสะโพก อีกภาพคือภาพเมื่อกินยามาได้จะครบ 1 ปี ขนฟู ตอนนี้พี่นั่มต้องคอยตัดขนที่เท้าให้ประจำ กิจกรรมซึ่งสองแสนจะรำคาญ