มอมเป็นหมาบางแก้วผสมสปิตซ์ ที่ทั้งพ่อและแม่ต่างก็ไม่ใช่หมาของบ้านเราเลย พ่อเป็นบางแก้วกลายๆชื่อพาต้าของเพื่อนข้างบ้าน ส่วนแม่เป็นสปิตซ์ชื่อกุ๊งกิ๊งที่เจ้าของย้ายบ้านไปแล้วทิ้งเจ้ากุ๊งกิ๊งไว้ เจ้ากุ๊งกิ๊งก็เดินเข้ามาอยู่ในบ้านเรา มอมเกิดมาในบ้านสวนของเราพร้อมพี่น้องรวม 4 ตัว เมื่อวันวาเลนส์ไทน์ 16 ปี ที่แล้ว
มอมเป็นตัวเดียวที่ขอแม่เข้าบ้าน และค่อยเขยิบเป็นขอขึ้นมานอนที่ห้องนอนของแม่ในที่สุด มอมผูกพันกับแม่มากเป็นพิเศษ ตามแม่ไปทุกที่ทั้งในบ้านและในสวน เวลานอนก็จะนอนทับรองเท้าแม่ไว้ เมื่อแม่ลุกสวมรองเท้ามอมก็จะรู้ว่าแม่จะไปไหน
วัวและหมีจากเราไปก่อน มอมและกลับอยู่กับเรา 2 ตัวมานมนาน จนเมื่อทั้งคู่อายุเกือบครบ 15 ปี และใช้เวลาส่วนใหญ่กับการนอน ที่บ้านก็นำลูกหมาบางแก้วตัวผู้ชื่อสองเข้ามาสร้างสีสัน มอมและกลับไม่ค่อยชอบใจความเป็นเด็กหนุ่มร่าเริงของสองนัก มอมถึงขนาดกัดหน้าสองในวัยไม่กี่เดือนเป็นรูเลือดออกต้องไปหาหมอฉีดยากันยกใหญ่
ปลายชีวิตมอมเริ่มจากขึ้นลงบันไดไม่ไหว ขึ้นไปนอนกับแม่ที่ห้องไม่ได้ จากนั้นขาหลังก็หมดแรง ลุกเดินทีต้องตะเกียกตะกายจนทั้ง 4 เท้าเป็นแผล ท้ายสุดมอมก็ลุกเองไม่ได้เลย แม่ก็คอยยกตัวมอมที่ผอมลงๆ กินได้แต่อาหารอ่อนๆ ช่วยให้มอมลุกขึ้นได้ และได้เดินออกกำลังกายที่ถนนที่บ้าน เป็นงานที่หนักกายและใช้เวลา หลายๆครั้งที่แม่ถามตัวเองว่ามอมกับแม่ใครจะไปก่อนกัน
บ่ายวันหนึ่งแม่คิดอยากรับมอมกลับบ้าน แต่ก็คิดว่าถ้ากลับมาแล้วแม่จะดูแลมอมเองอย่างไร คืนนั้นตอนตี 2 กว่า โรงพยาบาลโทรมา และแจ้งว่ามอมหยุดหายใจ หมอกำลังพยายามช่วย จะโทรกลับมาใหม่ภายใน 15 นาที พวกเรามารวมตัวกันที่ห้องนอนแม่ รอโทรศัพท์ แม่บอกว่าให้ทุกคนทำใจ มอมป่วยมานานแล้ว ควรได้พักแล้ว หมอโทรมาอีก 2 ครั้ง และหนสุดท้ายเพื่อยืนยันการจากไปอย่างสงบของมอม และแจ้งเรื่องการทำศพ
มอมเป็นตัวเดียวที่ขนเป็นสีน้ำตาลขาว ขณะที่มีเจ้าหมีสีขาวล้วน ส่วนเจ้าวัวและกลับสีขาวดำ ขนของมอมเหมือนขนแม่พันธุ์สปิตซ์จึงนุ่มกว่าขนของพี่น้อง ทั้ง 4 ตัวมีเจ้าวัวเป็นตัวผู้ตัวเดียว
ตอนแรกแม่ไม่ได้อยากเลี้ยงลูกหมาไว้ถึง 4 ตัว บอกให้ชาวบ้านในซอย ก็มีคนมารับมอมตัวน้อยไป เอาไปได้ไม่ถึงสัปดาห์ก็เอามาคืน บอกว่ามันร้องเหลือเกิน มอมจึงได้เติบโตมาเป็นที่รักของพวกเรา และเป็นใหญ่ในบรรดาพี่นอ้งทั้งหมด
มอมเป็นตัวเดียวที่ขอแม่เข้าบ้าน และค่อยเขยิบเป็นขอขึ้นมานอนที่ห้องนอนของแม่ในที่สุด มอมผูกพันกับแม่มากเป็นพิเศษ ตามแม่ไปทุกที่ทั้งในบ้านและในสวน เวลานอนก็จะนอนทับรองเท้าแม่ไว้ เมื่อแม่ลุกสวมรองเท้ามอมก็จะรู้ว่าแม่จะไปไหน
สมัยแม่ยังขึ้นตุ๊กๆไหว ออกไปซื้อของใกล้ๆบ้าน ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงตุ๊กๆ มอมจะวิ่งไปที่ประตูรอการกลับมาของแม่
บ้านเราเป็นสวนป่า แม่ชอบออกไปนั่งทำสวนสบายใจเงียบๆในมุมต่างๆ เวลาลูกๆหาแม่ไม่เจอเราจะตะโกนหามอม มอมวิ่งออกมาจากทางไหนแม่ก็อยู่ทางนั้น เวลาบอกมอมว่า "หาแม่" มอมก็จะวิ่งดมพื้นพาเราไปหาแม่จนเจอ
เวลามีแขกมาที่บ้าน มอมจะเห่ากรรโชก ทั้งชีวิตไม่เคยกัดใครเป็นเรื่องเป็นราวแต่แอบลอบกัดประโปรงด้านหลังของผู้มาเยือนสาวของเราไปหนนึง มอมจะหยุดเห่าต่อเมื่อให้มอมนั่งข้างๆแม่ ระหว่างแม่กับแขกที่มาเยี่ยม และหากแขกคนนั้นจะเอมมือมาแตะต้องตัวแม่ หรือลูบหัวมอม คราวนี้ก็จะทั้งเห่าทั้งขู่กันอีกรอบ
เคยมีบางครั้งที่บ้านเราไปเที่ยวค้างคืนที่ต่างจังหวัดและทิ้งให้มอมและพี่น้องอยู่เฝ้าบ้านกันเอง เวลาเรากลับมามอมจะตื่นเต้นมาก เราสังเกตุว่าขอบตาของมมอจะแดงและบวมขึ้นมา ซึ่งจะหายในเวลาอันสั้นหลังจากเรากลับมาทุกครั้ง
ฤดูหนาวแม่จะหาเสื้อมาใส่ให้มอม เป็นเสื้อคนที่เอามาตัดให้มอมใส่ได้ เวลานอนมอมชอบหนุนพรมปูพื้นห้อง และแม่ก็จะห่มผ้าให้มอมอีกที
ครั้งหนึ่งเราตื่นเช้าขึ้นมาพบว่ามอมหายไปจากบ้าน ดูแล้วคนที่มาเอาไปต้องเป็นคนแถวบ้านสะเดาะกลอนประตูเข้ามาเอามอมไป เพราะไม่มีเสียงเห่าเลย แม่ส่งแม่บ้านที่บ้านไปออกหามอมตามที่ๆกทมเก็บสุนัขจรจัดไป พวกเขากลับมาด้วยความอ่อนล้าหาไม่เจอ พวกเราออกเดินหามอมไปทั่ว ไม่มีวี่แววเลย สัปดาห์ถัดมาเราเปิดประตูบ้านตอนเช้า มอมกระโดดถลาเข้าใส่ด้วยความดีใจ กลอนประตูรั้วบ้านปิด คนที่เอามอมไปคงเอากลับมาคืน ดวงเราจะต้องได้อยู่ด้วยกัน
อีกครั้งมอมหายไปตอนเช้า พวกเราออกเดินตามหาที่ถนนใหญ่ พบมอมเดินโซซัดโซเซอยู่ริมถนนฝั่งตรงข้ามบ้าน รีบวิ่งเข้าไปกอดพากลับบ้าน ไม่ให้คลาดกันอีกแล้ว
วัวและหมีจากเราไปก่อน มอมและกลับอยู่กับเรา 2 ตัวมานมนาน จนเมื่อทั้งคู่อายุเกือบครบ 15 ปี และใช้เวลาส่วนใหญ่กับการนอน ที่บ้านก็นำลูกหมาบางแก้วตัวผู้ชื่อสองเข้ามาสร้างสีสัน มอมและกลับไม่ค่อยชอบใจความเป็นเด็กหนุ่มร่าเริงของสองนัก มอมถึงขนาดกัดหน้าสองในวัยไม่กี่เดือนเป็นรูเลือดออกต้องไปหาหมอฉีดยากันยกใหญ่
ปลายชีวิตมอมเริ่มจากขึ้นลงบันไดไม่ไหว ขึ้นไปนอนกับแม่ที่ห้องไม่ได้ จากนั้นขาหลังก็หมดแรง ลุกเดินทีต้องตะเกียกตะกายจนทั้ง 4 เท้าเป็นแผล ท้ายสุดมอมก็ลุกเองไม่ได้เลย แม่ก็คอยยกตัวมอมที่ผอมลงๆ กินได้แต่อาหารอ่อนๆ ช่วยให้มอมลุกขึ้นได้ และได้เดินออกกำลังกายที่ถนนที่บ้าน เป็นงานที่หนักกายและใช้เวลา หลายๆครั้งที่แม่ถามตัวเองว่ามอมกับแม่ใครจะไปก่อนกัน
เราซื้อกรงอย่างดีติดพัดลมและไฟให้มอมนอน ดึกๆมอมขับถ่ายและจะร้องเรียกให้ไปทำความสะอาดให้ ตี 2 ตี 3 พี่นั่มก็จะลุกไปล้างตัวมอม ล้างกรงให้อย่างดี ให้มอมนอนต่ออย่างสบาย
จนวันหนึ่งแม่ป่วย พวกเราต้องให้เวลากับการดูแลแม่ และเอามอมไปหาหมอและฝากไว้ที่โรงพยาบาลสัตว์บางนา โรงพยาบาลเอกชนระดับหรูที่ มีหมอและพยาบาลดูและตลอด 24 ชั่วโมง มีหมอลงตรวจรอบเช้า และ เย็น และรายงานอาการมอมทางโทรศัพท์ทุกวัน หมอจับมอมโกนขนออกเพื่อดูแผลกดทับและกำจัดเจ็บ พวกเราไปเยี่ยมมอมทุกวันเสาร์ เอาข้าวของไปให้ มอมชอบนอนหนุนหมอนเหมือนตอนอยู่บ้าน ขนค่อยๆขึ้นกลับมาน้อยๆ เขาต้องปั่นอาหารให้มอมกิน และคอยให้น้ำเกลือเมื่อมอมขาดน้ำ
บ่ายวันหนึ่งแม่คิดอยากรับมอมกลับบ้าน แต่ก็คิดว่าถ้ากลับมาแล้วแม่จะดูแลมอมเองอย่างไร คืนนั้นตอนตี 2 กว่า โรงพยาบาลโทรมา และแจ้งว่ามอมหยุดหายใจ หมอกำลังพยายามช่วย จะโทรกลับมาใหม่ภายใน 15 นาที พวกเรามารวมตัวกันที่ห้องนอนแม่ รอโทรศัพท์ แม่บอกว่าให้ทุกคนทำใจ มอมป่วยมานานแล้ว ควรได้พักแล้ว หมอโทรมาอีก 2 ครั้ง และหนสุดท้ายเพื่อยืนยันการจากไปอย่างสงบของมอม และแจ้งเรื่องการทำศพ
พวกเราไปดูศพมอมตอนเช้า มอมยังนอนอยู่ในกรง หมอเอาผ้าขาวคลุมไว้ เราเปิดผ้าคลุมออก มอมนอนนิ่งไร้ซึ่งลมหายใจ พี่นั่มเอามือลูบหัวหูมอม หนึมลูบขนที่เท้า แม่ให้โรงพยาบาลเอามอมไปทำพิธีเผาที่วัดคลองเตย ซึ่งมีพระสวดศพให้ และ โรงพยาบาลนำอัฐิกลับมาให้เราในวันรุ่งขึ้น ตอนไปรับอัฐิเจ้าหน้าที่กล่าวแสดงความเสียใจกับเรา และยื่นห่อผ้าสีขาวสะอาดให้ วันนี้มอมที่รักเหลือเป็นเพียงเถ้าขาวแล้ว
เราพามอมกลับมาด้วยใจเป็นสุข พามอมกลับมาอยู่ที่ๆมันเกิดมา และที่ๆพี่น้องของมันที่จากไปแล้วพักอย่างสงบในสวน พี่นั่มกับหนึมทำพิธีเอาอังคารของมอมลอยน้ำที่บ่อใหญ่ เอาพวงมาลัยลอย และบอกมอมว่า เราพามอมกลับมาแล้ว แต่ขอให้ดวงวิญญานของมอมอยู่ในภพที่ดีกว่าเดิม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น