วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2552

วัดป่าแก้ว จันทบุรี







หนึมเพิ่งกลับมาจากการปฏิบัติธรรม 3 วัน ที่วัดป่าแก้ว จันทบุรีค่ะ 3 ชั่วโมงขับเฉลี่ย 120 กิโลต่อชั่วโมง จากกรุงเทพ
วัดป่าแก้วอยู่ท่ามกลางขุนเขา ตัวอาคารออกแบบสถาปัตยกรรมสมัยใหม่แนว minimalist ใช้แสงธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่ อากาศถ่ายเทสบาย เวลาฝนตกอากศเย็นน่านอน

ท่านเจ้าอาวาสคือพระอาจารย์จงกล ส่วนพระอาจารย์อีกรูปที่สอนคู่กันคือพระอาจารย์จี พระอาจารย์จงกลสอนแต่เรื่องการปฏิบัติภาวนา ไม่คุยเรื่องอื่น ส่วนพระอาจารย์จีสอนเรื่องธรรมในชีวิตประจำวัน ปัญหาชีวิต ครอบครัว การงาน แนวคิด ฯลฯ มีพระจำวัด ณ เวลานี้แค่ 4 รูป







พวกผู้สนใจธรรมแต่ยังไม่ถึงขั้นภาวนาจะศึกษากับพระอาจารย์จีเสียส่วนใหญ่ ท่านสอนสนุกและตรงไปตรงมา
ส่วนผู้ปฏิบัติภาวนาจะศึกษากับพระอาจารย์จงกล ท่านอยู่ในวัยกลางคน และเป็นครูอาจารย์ที่รู้วาระจิตผู้อื่น การปฏิบัติธรรมคือการตามดูตามรู้ ท่านว่าการตามดูตามรู้มีองค์ประกอบแบบคอฟฟี่มิกซ์ 3 in 1 คือให้แยกจิต อารมณ์ และกาย ออกเป็นกองๆไป







ดังนั้นการเรียนเรื่องปฏิบัติภาวนาของที่นี่อาจไม่เหมาะกับนักปฏิบัติมือใหม่ หรือนักปฏิบัติที่ไม่ค่อยได้ปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง เพราะพระอาจารย์จะดูวาระจิตของผู้ปฏิบัติ และแก้เป็นรายๆ บางทีให้การบ้านไป 3 ชั่วโมงให้มาส่งอารมณ์อีกรอบ รุ่นที่หนึมไปมีนักปฏิบัติมาก และพระอาจารย์ใช้เวลากับพวกนี้ค่อนข้างมาก มือใหม่แบบว่าบื้อไปเลย แต่ถ้าไม่ได้หวังอะไรมาก คิดว่ามาหาสถานที่ปฏิบัติ ได้ทำ ส่วนพระอาจารย์อาจไม่ได้แนะนำอะไรเลยบ้าง ก็ไม่ว่ากัน ก็เรียกว่าที่นี่สัปปายะมาก







การปฏิบัติคือให้ผู้ปฎิบัติฝึกเอง แค่กำหนดระยะเวลาว่าในแต่ละวันต้องทำอะไรบ้าง คร่าวๆคือทำวัตรเช้าตี 5 ตามด้วยโยคะอาสนะ จากนั้นถวายอาหารเช้า แล้วก็ลงไปทานอาหารเช้าเป็นอาหารเหลือพระนั่นเอง ที่ครัวอาจทำเพิ่มบ้างเล็กน้อย ได้อีกบรรยากาศ ทำกิจส่วนตัว แล้วแยกกลุ่มศึกษากับพระอาจารย์สองรูปนี้ โดยเจ้าหน้าที่แยกกลุ่มให้ตามประวัติการปฏิบัติของเราที่กรอกตอนลงทะเบียน







11 โมงครึ่งทานอาหารเที่ยง บ่ายโมงครึ่งเริ่มกันใหม่ แบบเดียวกับตอนเช้า บางทีพระอาจารย์อาจปล่อยให้ปฏิบัติเองตามรูปแบบที่เราเคยทำมา แล้วนัดเวลาให้มาส่งอารมณ์ บ่าย 4 โยคะ ต่อด้วย ทำกิจรวม หนึมได้ล้างห้องน้ำวัดสมใจอยากก็งานนี้ แบ่งกันกวาดลานวัด ทำความสะอาดโบสถ์ ทำความสะอาดห้องนอน ห้องน้ำ ฯลฯ แล้วทานข้าวสำหรับผู้ถือศีล 5 จากนั้นกิจส่วนตัวแล้วทำวัตรเย็นตอน 1 ทุ่ม 3 ทุ่มเสร็จ นอน ปิดไฟ 4 ทุ่มกว่า นอนรวมในห้องใหญ่หน้าต่างกว้าง มีเสื่อ หมอน และล็อคเกอร์ให้ เราต้องเอาผ้าห่มและของใช้ส่วนตัวไปเอง มีที่ตากผ้าและหนังสือธรรมในห้องนอนด้วย ห้องน้ำอยู่ในห้องนอน







ที่นี่ให้พูดคุยได้ ใช้มือถือได้ เน้นปฏิบัติในชีวิตประจำวัน ไม่ต้องในรูปแบบ มีมุมให้เราแยกไปปฏิบัติตามที่เราต้องการ หนึมเลือกเดินจงกรมตรงเนินด้านหน้า เอาตอนกลางวันแดดๆเลย ดูว่าตอนเดินเข้าใต้ร่มไม้กับตอนเดินออกแดดแล้วจิตเป็นยังไง ที่แน่ๆกายกลับมาดำปื้ดเลย




คำสอนเด็ดๆจากงวดนี้

  • ถ้าคิดดีไม่ได้ ก็อย่าคิดเสียเลยดีกว่า ตามดูกายเอาก็ยังดี ไม่เป็นอกุศล

  • อย่าพูดถึงคนอื่นในแง่ที่เขาจะเสียหาย คนทำไม่ดีก็ไม่ต้องไปพูดถึงเขา เขาทำบาปแล้ว เราไม่จำเป็นต้องไปร่วมทำบาปด้วยการพูดให้เขาเสียหายอีก

  • ถ้าต้องพูดถึงความไม่ดีของคนอื่น เพื่อการศึกษาเป็น case study ก็อย่าได้เอ่ยชื่อให้เขาเสียหาย

  • เวลามีปัญหา ให้คิดเสียว่าเวลาจะตายมันหนักกว่านี้ แค่อยู่ยังแย่แล้วเวลาจะตายจะเป็นอย่างไร ให้ฝึกอยู่ให้เป็น

  • ปฏิบัติภาวนาแล้วไม่ก้าวหน้าเพราะไม่มีบุญบารมี เหมือนคน 5 คน ฟังครูอาจารย์คนเดียวกันก็รู้เรื่องไม่เท่ากัน การเพิ่มบารมีของเราคือให้ทำในสิ่งที่ต้องฝืนใจทำ ต้องเสียสละ ทำบ่อยๆ ทำมากๆ สิ่งใดเสียสละจนคุ้นไม่รู้สึกฝืนใจ ก็ต้องเริ่มเสียสละสิ่งอื่นๆที่ยังฝืนใจเราอยู่ สร้างบารมีให้มากขึ้นเรื่อยๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น